ฝ้า เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีในบริเวณผิวหนังทำงานผิดปกติ และส่งเม็ดสีขึ้นมาบนผิวหนังด้านบนเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ความเข้มของสีผิวไม่สม่ำเสมอ ลักษณะคล้ายกับจุดด่างดำ ถึงปัญหาฝ้าจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง แต่ก็ทำให้คุณไม่มั่นใจพอจะอวดผิวสวยแล้วแหละ ดังนั้นการแก้ไขก็ต้องอาศัยหลักการป้องกัน ไม่ให้เกิดการสร้างเม็ดสีขึ้นมาใหม่
เมื่อไรก็ตามที่ระดับฮอร์โมนนี้ในร่างกายขึ้นสูงก็จะสามารถกระตุ้นเซลล์สร้างสีเมลาโนไซท์ให้เกิดฝ้าขึ้น ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีมากในเพศหญิง และจะเพิ่มขึ้นสูงในระยะตั้งครรภ์ และขึ้นลงในวัยหมดประจำเดือน หรือคนที่ระบบประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ เราจึงพบว่าฝ้ามักพบในคนที่ตั้งครรภ์หรือคนที่ประจำเดือนผิดปกติ นอกจากนี้ยังพบฮอร์โมนนี้ในยาคุมกำเนิดทั้งหลายทุกยี่ห้อ
เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นกลไกสำคัญในการคุมกำเนิด จะสังเกตได้ว่าคนที่ทานยาคุมกำเนิดตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป มักมีปัญหาเรื่องฝ้า บางคนเพียง 1 – 2 แผง ร่วมกับการตากแดดมากก็มีฝ้าขึ้นแล้ว เข้าใจว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสมดุลย์ของฮอร์โมน ซึ่งยังไม่ทราบว่าตัวใด อาจจะเป็น estrogen หรือ progesterone ที่มีอยู่ในยาคุมกำเนิด การเกิดฝ้าในสตรีที่รับประทานยาคุมชนิด sequential เปรียบเทียบกับชนิด combine pills พบว่าทั้ง 2 กลุ่มไม่ต่างกัน จึงบอกไม่ได้ว่าระหว่าง ฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนใน ตัวใดกันแน่ที่ทำให้เกิดฝ้า
รักษาฝ้าฮอร์โมนอีกตัวที่มีบทบาทต่อการเกิดฝ้า คือ MeSH เป็นฮอร์โมนที่หลั่งจากต่อมใต้สมองส่วนกลาง สร้างจากเซลล์เมลาโนไซท์ เป็นตัวกระตุ้นให้มีการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ผิวหนัง โดยกระตุ้นการกระจาย ของเมลานินในเมลาโนไซท์ถ้าขาด MSH ผิวหนังจะซีดขาว ถ้า MSH มากเกินไปผิวหนังจะเข้มดำ ฮอร์โมนเอสโตรเจนกลายเป็นผู้ร้ายที่ถูกกล่าวหามาตลอด ทั้งที่จริงแล้วยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเกิดจากฮอร์โมนตัวใด ลำพังฮอร์โมนเอสโตรเจนอย่างเดียวไม่เป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นฝ้าได้ อย่างฮอร์โมนทดแทนที่ให้สตรีวัยหมดประจำเดือนซึ่งมีส่วนผสมของเอสโตรเจนเพียวๆ ก็ไม่ทำให้คนที่รับประทานเป็นฝ้าแต่อย่างใด